รวมคำศัพท์ที่ต้องรู้ก่อนเลือกซื้อครีมกันแดด
อากาศร้อนๆ แบบนี้ ถ้าลืมทากันแดดสักวัน ผิวอาจแสบร้อนและคล้ำเสียได้ง่ายๆ เพราะนอกจากอันตรายจากความร้อนของแสงแดดที่สามารถแผดเผาผิวหนังเราได้แล้ว การทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือกรณีที่ต้องสัมผัสแสงแดดเป็นเวลายาวนานหลายชั่วโมงโดยไม่มีการป้องกัน ล้วนแล้วแต่เป็นสาเหตุให้เกิดโรคผิวหนัง จนถึงขั้นทำลายเกราะป้องกันที่แข็งแรงอย่างเซลล์เนื้อเยื่อผิวหนัง หรือชั้นคอลลาเจนให้ค่อยๆ เสื่อมสภาพลงได้ สิ่งสำคัญที่ช่วยป้องกันแสงแดดได้ดี คือการทาครีมกันแดดทุกครั้งทั้งก่อนออกจากบ้าน หรือแม้แต่นั่งทำงานในห้องก็สามารถทำได้เช่นกัน
ทุกคนรู้หรือไม่ว่าภายใต้แสงแดดที่ร้อนระอุแบบนี้ นอกจากจะสามารถทำลายผิวหนังและใบหน้าของเราให้คล้ำเสียอย่างรวดเร็วได้แล้ว ยังมีรังสีอีกมากมายหลายชนิดซุกซ่อนอยู่ในแสงแดดและพร้อมทำร้ายเราได้ตลอดเวลา รังสีที่ว่าก็ไม่ใช่รังสีชื่อแปลกหูแต่อย่างไร แต่เป็นรังสีอัลตราไวโอเลต หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่ารังสี UV โดยแบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือรังสี UVA, UVB และ UVC ซึ่งมีช่วงความถี่ที่แตกต่างกัน และยังส่งผลต่อร่างกายในลักษณะที่ต่างกันไปอีกด้วย
รังสี UVA
เป็นรังสี UV ที่มีคลื่นความยาวอยู่ที่ประมาณ 320-400 นาโนมิเตอร์ และสามารถทำอันตรายผิวหนังของเราได้มากที่สุดในบรรดารังสี UV หากผิวหนังของเราได้รับรังสี UVA เป็นเวลานาน จะส่งผลให้ความยืดหยุ่นของผิวถูกทำลาย เนื่องจากรังสี UVA จะเข้าไปสะสมเกิดเป็นอนุมูลอิสระ โดยสามารถทะลุผ่านผิวหนังตั้งแต่หนังกำพร้าไปจนถึงชั้นหนังแท้ได้ ซึ่งจะก่อให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย ผิวหนังดูไม่สดใส คล้ำเสียและเข้มมากยิ่งขึ้น
รังสี UVB
เป็นรังสี UV ที่มีความยาวคลื่นรองลงมาจาก UVA มีความยาวคลื่นอยู่ที่ประมาณ 290-300 นาโนมิเตอร์ แม้รังสี UVB จะไม่สามารถทะลุผ่านไปยังชั้นผิวหนังส่วนลึกได้ แต่ก็เป็นตัวการมากมายที่ทำให้ผิวมีอาการไหม้เกรียม แสบและแดง เนื่องจากรังสี UVB จะเข้าไปทำลายความชุ่มชื้นของผิวหนัง อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นรังสี UVA หรือ UVB ก็มีความรุนแรงในระดับมากพอที่จะก่อให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้ หากสัมผัสกับแดดโดยตรงเป็นระยะเวลานาน โดยเฉพาะในช่วง 10.00-14.00 น. จะเป็นเวลาที่แสงแดดมีความเข้มมากที่สุด
รังสี UVC
เป็นรังสีที่มีคลื่นความยาวสั้นที่สุด มีความยาวคลื่นอยู่ที่ 100 – 280 นาโนเมตร และให้พลังงานมากที่สุด จึงมักนำมาใช้ในการฆ่าเชื้อโรคต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันก็อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ เพราะสามารถปลดปล่อยพลังงานสูง โดยมีผลต่อผิวหนังคืออาจทำให้ผิวไหม้ และเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งผิวหนัง
ในสมัยก่อนคนมักละเลยกับรังสี UVC เนื่องจากเชื่อว่ารังสีชนิดนี้ไม่สามารถทะลุผ่านมายังชั้นบรรยากาศโลกได้ เพราะถูกชั้นโอโซนกรองออกไปเรียบร้อยแล้ว แต่ในปัจจุบันกลับพบว่ารังสี UVC สามารถทะลุผ่านชั้นโอโซนมาถึงผิวโลกได้มากยิ่งขึ้น ด้วยปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อชั้นโอโซน เช่น การก่อมลพิษของมนุษย์ เป็นต้น
รังสี UV อันตรายต่อผิวขนาดนี้ มารู้จักคำศัพท์และวิธีเลือกครีมกันแดด เพื่อสร้างผิวดีไม่มีคล้ำเสียกัน
เชื่อว่าหลายคนต้องมีครีมกันแดดติดบ้าน ติดตัวกันไว้อยู่แล้ว แต่เคยสังเกตกันไหมว่าฉลากบนผลิตภัณฑ์กันแดดนั้น มักมีศัพท์ 2 คำที่มาคู่กันตลอด ได้แก่ SPF และ PA นั่นเอง วันนี้เราจะมาเจาะลึกความสำคัญของครีมกันแดด และประสิทธิภาพในการป้องกันกับ 2 คำนี้ให้มากยิ่งขึ้น
SPF
ย่อมาจาก Sun Protection Factor หรือค่าในการป้องกันแสงแดด ช่วยปกป้องผิวหนังเราจากรังสี UVB ได้ ส่วนมากค่า SPF มักมาคู่กับจำนวนตัวเลขที่แสดงต่อท้าย หมายถึงประสิทธิภาพการปกป้องผิวเราจากการสัมผัสแสงแดด ซึ่งหากใครอยากรู้ว่าตัวเลขท้ายค่า SPF นั้นมีระยะการปกป้องได้นานแค่ไหน ก็สามารถคำนวณได้โดยการนำตัวเลขหลัง SPF มาคูณด้วย 15 ซึ่งเป็นระยะเวลาโดยประมาณที่ผิวจะทนทานต่อแสงแดดได้โดยไม่เกิดอาการแสบร้อน (sunburn) จะได้ระยะเวลาเป็นหน่วยนาที ที่ครีมกันแดดตัวนี้สามารถปกป้องเราจากรังสี UVB ได้
ตัวอย่างเช่น การทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF30 จะช่วยให้สามารถอยู่กลางแดดได้เป็นเวลา 15 x 30 = 450 นาที หรือ 7.5 ชั่วโมง โดยที่ผิวไม่ไหม้แดงนั่นเอง
PA
ย่อมาจาก Protection Grade of UVA แสดงถึงประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA มักต่อท้ายด้วยเครื่องหมาย + และมีค่าสูงสุดที่เราพบเห็นได้ในปัจจุบันอยู่ที่ ++++ ยิ่งบนฉลากผลิตภัณฑ์กันแดดมีเครื่องหมาย + มาก ยิ่งแสดงถึงระดับในปกป้องผิวที่มากขึ้น โดยเครื่องหมาย + หนึ่งตัว มีค่าเท่ากับ 2 เท่า ซึ่งหมายความว่าหากครีมกันแดดนั้นมี ค่า PA++++ นั่นหมายถึงว่าครีมกันแดดตัวนี้ จะสามารถป้องกันรังสี UVA ได้มากถึง 8 เท่าเลยทีเดียว
วิธีเลือกครีมกันแดดอย่างไรให้ตรงใจ ปกป้องผิวจากแสงแดดได้ และไม่ระคายเคืองผิว
ในปัจจุบันมีครีมกันแดดมากมายวางขายตามท้องตลาด นอกเหนือจากวิธีสังเกตค่า SPF และ PA ที่แสดงถึงประสิทธิภาพในการปกป้องผิวแล้ว สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ในการเลือกซื้อครีมกันแดด คือส่วนผสมภายในผลิตภัณฑ์ต้องไม่เป็นอันตราย หรือทำให้ผิวหน้าบอบบาง อุดตัน และระคายเคือง นอกจากส่วนผสมที่ต้องปลอดภัยแล้ว เรื่องเนื้อสัมผัสก็ยังเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจ สำหรับประเทศเมืองร้อนอย่างบ้านเราแล้ว ควรเลือกครีมกันแดดที่มีความบางเบา ไม่หนักหน้า และมีคุณสมบัติในการคงความชุ่มชื้นให้ใบหน้า ไม่เพิ่มความมันบนใบหน้า พร้อมช่วยคุมมันระหว่างวัน เพราะการทาครีมกันแดดที่เนื้อหนัก ย่อมทำให้รู้สึกเหนียว เหนอะหนะ ไม่สบายผิว และอาจเกิดการอุดตันสะสม กลายเป็นสิวอุดตับหรือสิวอักเสบในเวลาต่อมา
โดยครีมกันแดดคุณภาพที่อยากแนะนำให้ทุกคนได้ลองใช้ และยังเป็นครีมกันแดดที่เราเชื่อว่า จะสามารถตอบโจทย์ ตรงใจให้กับใครหลายคนได้ครบทุกความต้องการ ก็คือ ครีมกันแดดทาหน้า Ultimate Dry-Touch Sunscreen จาก SKINPRO Rx ครีมกันแดดเวชสำอาง ที่มี SPF50+ PA++++ เนื้อสัมผัส Dry-Touch บางเบา ซึมไว เกลี่ยง่าย หมดปัญหาหน้าเยิ้มหรือเหนอะหนะระหว่างวัน และไม่ทิ้งความมันไว้บนใบหน้า สามารถปกป้องผิวได้ทั้ง UVA และ UVB ช่วยคงความชุ่มชื้นให้ผิว มาพร้อมส่วนผสมที่ผ่านการทดสอบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง ไม่ก่อให้เกิดสิวหรืออุดตันผิว (Non-comedogenic) มีคุณสมบัติช่วยปลอบประโลมผิวจากอาการแสบไหม้จากแสงแดด และปราศจากสารก่อการแพ้ระคายเคืองทั้ง 8 ชนิด ได้แก่ ซิลิโคน สเตียรอยด์ SLS, SLES แอลกอฮอล์ พาราเบน สีสังเคราะห์ และน้ำหอม หมดกังวลเรื่องผิวแพ้ง่าย จะผิวหน้าแบบไหน ก็ใช้ครีมกันแดดตัวนี้ได้แน่นอน